Animated Rainbow Nyan Cat
...Welcome to my blog/ยินดีต้อนรับ...

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556


Verb to do

Do และ Does มีหลักการใช้คือ ถ้าเป็นกริยาสำคัญหรือกริยาแท้ในประโยคจะมีความหมายว่า ทำ
ต้องแยกใช้ไปตามประธานของประโยคให้ถูก เช่น
He does his homework.
They do their homework.

เป็นกริยาช่วยในประโยคคำถามและปฏิเสธที่มีกริยาแท้อยู่แล้วในประโยค และประโยคนั้นไม่มี Verb to be
( is am are ) .ในบริบทของประโยคเช่นนี้ do , does จะไม่มีความหมาย เป็นเพียงตัวช่วย เช่น

He does not have any sisters.

We do not buy a big car.

Remark : Verb to be ไม่อยู่ เอา Verb to do เข้ามาช่วย do not ใช้รูปย่อเป็น don’t / does not ใช้รูปย่อเป็น doesn’t

อ่านต่อที่นี่...


If Clauses

 If Clauses หรือ Conditional Sentences
คือ ประโยคที่มีข้อความแสดงเงื่อนไข (conditions) หรือการสมมุติ 
ซึ่งประกอบด้วยประโยคเล็ก 2 ประโยครวมกัน และเชื่อมด้วย conjunction "if" 
ประโยคที่นำหน้าด้วย if แสดงเงื่อนไข เราเรียกว่า if-clause 
และประโยคที่แสดงผลเงื่อนไขนั้น เราเรียกว่า main clause
If it rains , I shall stay at home.
(If-clause) (main clause) 


 If + Present Simple , Future Simple.......(type 1)
(if-clause) (main clause) 


If + Past Simple , S + would + V1 ........(type 2)
(if-clause) (main clause) 


If + Past Perfect , S+would/should + have +V3.........(type 3)
(If- clause) (main clause) 


อ่านต่อที่นี่...


หลักการใช้ Will และ Shall

โครงสร้าง
I , We
shall
play football this evening.
eat some fruit.
go to the concert tonight.
You , He, She , It
They , Mary
will

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556


Tense 

 คือรูปแบบ(หรือโครงสร้าง)ของกริยา  ที่แสดงให้เราทราบว่า  การกระทำหรือเหตุการ นั้นๆเกิดขึ้นเมื่อใด   ซึ่งเรื่อง  tense  นี้เป็นเรื่องสำคัญ  ถ้าเราใช้    tense  ไม่ถูก  เราก็จะสื่อภาษากับเขา ไม่ได้  เพราะในประโยคภาษาอังกฤษนั้นจะอยู่ในรูปของ  tense  เสมอ  ซึ่งต่างกับภาษาไทยที่เราจะมีข้อความบอกว่าาเกิดขึ้นเมื่อใดมาช่วยเสมอ   แต่ภาษาอังกฤษจะใช้รูป  tense  นี้มาเป็นตัวบอก  ดังนี้การศึกษาเรื่อง  tense  จึงเป็นเรื่องจำ เป็น.
Tense  ในภาษาอังกฤษนี้จะแบ่ง ออกเป็น  3  tense  ใหญ่ๆคือ
               1.     Present   tense        ปัจจุบัน
               2.     Past   tense              อดีตกาล
               3.     Future   tense          อนาคตกาล
ในแต่ละ  tense ยังแยกย่อยได้  tense  ละ  4  คือ
              1 .   Simple   tense    ธรรมดา(ง่ายๆตรงๆไม่ซับซ้อน).
              2.    Continuous  tense    กำลังกระทำอยู่(กำลังเกิดอยู่)
              3.     Perfect  tense     สมบูรณ์(ทำเรียบร้อยแล้ว).
              4.     Perfect  continuous  tense  สมบูรณ์กำลังกระทำ(ทำเรียบร้อยแล้วและกำลัง ดำเนินอยู่ด้วย).
โครงสร้างของ  Tense  ทั้ง  12  มีดังนี้
Present  Tense
                      [1.1]   S + Verb 1  (บอกความจริงที่เกิดขึ้นง่ายๆ ตรงๆไม่ซับซ้อน).
[Present]       [1.2]   S + is, am, are +  Verb  1  ing  (บอกว่าเดี๋ยวนี้กำลังเกิดอะไร อยู่).
                      [1.3]   S + has, have +  Verb  3 (บอกว่าได้ทำมาแล้วจนถึง ปัจจุบัน).
                      [1.4]   S + has, have +  been + Verb 1 ing (บอกว่าได้ทำมาแล้วและกำลังทำ ต่อไปอีก).
Past Tense
                      [2.1]  S + Verb 2  (บอกเรื่องที่เคยเกิดมาแล้วใน อดีต).
[Past]            [2.2]  S + was, were  +  Verb 1 (บอกเรื่องที่กำลังทำอยู่ในอดีต).
                      [2.3]  S + had  +  verb 3   (บอกเรื่อที่ทำมาแล้วในอดีตใน ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง).
                      [2.4]  S + had  +  been + verb 1 ing (บอกเรื่องที่ทำมาแล้วอย่างต่อ เนื่องไม่หยุด).
Future Tense
                      [3.1]  S + will, shall  +  verb 1 (บอก เรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต).
[Feature]        [3.2]  S + will, shall  +  be  +  Verb 1 ing (บอกว่าอนาคตนั้นๆกำลังทำอะไร อยู่).
                      [3.3]  S + will,s hall  +  have  +  Verb 3 (บอกเรื่องที่จะเกิดหรือสำเร็จ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง).
                      [3.4]  S + will,shall  +  have  +  been  + verb 1 ing (บอกเรื่องที่จะทำอย่างต่อเนื่องในเวลาใด -  เวลาหนึ่งในอนาคตและ จะทำต่อไปเรื่อยข้างหน้า)